หมิ่นประมาททางอินเตอร์เน็ท ข้อเท็จจริงบางประการที่คุณอาจยังไม่เคยรู้
โดย Sweet_Jasmine
Sweet_Jasmine
#1
[SIZE="4"]สวัสดีค่ะ

ขออนุญาติใช้พื้นที่ตรงนี้ในการประชาสัมพันธ์เรื่อง หมิ่นประมาทบนอินเตอร์เน็ทค่ะ


เพื่อนๆSBN คงทราบข้อกฎหมายหมิ่นประมาทกันดีอยู่แล้ว ตรงนี้ลิขอไม่ท้าวความากมายนะคะ
แต่ขอบอกสักหน่อย เผื่อเพื่อนๆบางคน อาจจะยังไม่ทราบ
หมิ่นประมาทคือ การใส่ความผู้อื่นไม่ว่าจะด้วยวิธีการใดๆ เช่น พูด เขียน พิมพ์ข้อความ หรือแสดงกริยาต่างๆ โดยการใส่ความดังกล่าวนั้นต้องเป็นการกระทำให้บุคคลที่สามรับทราบซึ่งเป็นการกระทำให้ผู้ถูกใส่ความนั้นได้รับความเสียหาย

และ แม้ไม่เอ่ยชื่อจริง นามสกุลจริง ก็ไม่สามารถพ้นผิดไปได้ค่ะ เพราะ..ถ้าข้อความโดยรวมแล้ว
บุคคลทั่วไปสามารถรับรู้ได้ว่าใคร เช่น ใช้นามแฝงของบุคคลนั้น รูปภาพของบุคคลนั้น เป็นต้น
ก็ถือว่าเป็น การระบุตัวแล้วค่ะ


แต่ ยังมีข้อเท็จจริงบางประการ ที่เพื่อนๆบางคน อาจจะยังไม่ทราบว่า การหมิ่นประมาท
ยังรวมถึง การที่เราFWDข้อความหมิ่นประมาท ไปยังบุคคลที่สามด้วย

ขอยกตัวอย่างสั้นๆนะคะ เพื่อนๆได้รับFWDเมลล์ ว่าดาราชื่อAขายตัว แล้วเพื่อนๆก็FWDต่อไปให้คนอื่นๆได้อ่าน แม้ว่าเพื่อนๆ จะไม่เชื่อข้อความนั้นก็ตาม แต่การที่ FWDข้อความที่เป็นการหมิ่นประมาทต่อไปอีกยังบุคคลที่สาม ก็มีค่าเท่ากับ เรากำลังทำการหมิ่นประมาท บุคคลนั้นอยู่ค่ะ

แม้ว่าเพื่อนๆ จะอ้างว่า ไม่เชื่อข้อความนั้น หรือ ไม่ได้เขียนข้อความนั้นด้วยตัวเองทั้งหมด
หรือ บอกว่าได้ยินมาอีกที ไม่รู้ว่าจริงเท็จประการใด
ลองอ่านข้อความด้านล่างนี้ประกอบไปด้วยนะคะ

เหตุที่มองว่าการ Forward-mail ไปให้ผู้อื่นถือเป็นความผิดฐานหมิ่นประมาท เพราะผู้กระทำนั้นเมื่อได้รับทราบข้อความ แล้วได้ทำการเผยแพร่ต่อไป เท่ากับเป็นการใส่ความผู้เสียหายต่อไปอีกครั้งหนึ่ง ซึ่งเป็นการขยายความเสียหายออกไป อีกจึงเป็นความผิดฐานหมิ่นประมาทนั้นเอง แล้วถ้าหาก Forward-mail ต่อไปให้บุคคลอื่นอีกหลายคน จะถือว่าเป็นการหมิ่นประมาทด้วยการโฆษณาที่ต้องรับโทษหนักขึ้น ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 328 นั้น จะต้องพิจารณาจากการกระทำเป็นหลัก ว่าเป็นการโฆษณาหรือไม่ โดยไม่คำนึงถึงจำนวนบุคคลผู้รับข้อความ ว่าจะมีจำนวนมากน้อยเพียงใด
^
^
ประเด็นนี้สามารถเทียบเคียงได้กับคำพิพากษาศาลฎีกาที 2822/2515 ซึ่งมีข้อเท็จจริงคือ จำเลยแสดงข้อความในจดหมายที่ได้รับจากผู้อื่น โดยรู้อยู่ว่าจดหมายนั่นมีข้อความหมิ่นประมาท ถือได้ว่าจำเลยมีความผิดฐานหมิ่นประมาท



ส่วนเรื่องความผิดฐานหมิ่นประมาท ทางกฎหมายนั้น แบ่งได้เป็น2ทาง
1.ทางแพ่ง คือ ถ้าเรื่องที่มีคนเอาไปพูด ไม่ใช่เรื่องจริง ถือว่าเป็นการละเมิด (เพราะทำให้เราเสียหายเสื่อมเสียเพราะมันไม่ใช่รเองจริง) กรณีนี้ เราเรียกร้องค่าเสียหายได้ค่ะ

2.ทางอาญา มีหลักคือ ยิ่งจริงยิ่งผิด เพราะกฏหมายมุ่งพิจารณาแต่เพียงว่า ถ้ามีการกล่างถึงบุคคลอื่นในด้านที่ไม่ดีแล้ว ย่อมจะทำให้สังคมไม่สงบสุข ไม่ว่าข้อความนั้นจะเป็นจริงหรือไม่ก็ตาม
(แต่ถ้าเป็นเรื่องจริงก็จะไม่สามารถเรียกร้องค่าเสียหายทางแพ่งได้ค่ะ)

เพราะฉะนั้น ถ้าเราเอาเรื่องไม่จริงของใครไปพูดต่อ เค้าก็ฟ้องร้องเราได้ทั้งทางแพ่ง และ อาญาค่ะ

สรุป ทางที่ดีคือ อย่าด่าคนอื่นลับหลังเลยค่ะ ดีที่สุด ปลอดภัยที่สุด ไม่ต้องมีคดีอาญาติดตัวไปจนตาย เสียประวัติหมด ยิ่งสมัยนี้ มีพรบ.คอมพิวเตอร์ประกาศออกมาใช้ โทษหนักมากค่ะ ยอมความไม่ได้
เพื่อนๆลองเสิชอ่านเพิ่มเติมได้ค่ะ น่ากลัวจริงๆ

เพราะฉะนั้น ใครที่คิดจะกลั่นแกล้งใคร ด้วยวิธีสกปรกแบบนี้ ลิขอเตือนด้วยความหวังดี
ว่าหยุดเถิดค่ะ ก่อนที่สายเกินไป
เหมือนสุภาษิตโบราณ ที่เค้าบอกว่า ยอมกินขรี้ ดีกว่าขึ้นโรงขึ้นศาล

ขอให้โชคดีทุกคนค่ะ;)



PrimmRose
#2
ขอบคุณค่ะที่เอามาแชร์ แต่เรื่องนี้น่าจะไปลงที่ห้อง off topic หรือเปล่า ไม่แน่ใจนะคะ
Sweet_Jasmine
#3
[SIZE="4"]ขอบคุณ คุณPrimmRoseค่ะ

เผอิญลิมองว่า เรื่องนี้ ก็น่าจะเป็นเรื่องเตือนภัย เหมือนกับกระทู้อื่นๆ ที่เพื่อนๆคนอื่นตั้งค่ะ

เลยคิดว่า ลิก็มาเตือนภัยเช่นกัน ก็น่าจะตั้งห้องนี้ได้นะคะ ขออนุญาติเว็บมาสเตอร์และทีมงานตรงนี้เลยละกันนะคะ

เนื่องจาก ลิคิดว่า อาจจะมีคนบางกลุ่มใช้เครื่องมือของเว็บ และ ใช้เว็บ ทำผิดกฎหมายค่ะ

เลยอยากเอามาเตือน แก่ใครก็ตาม ที่คิดจะทำ หรือ อาจจะทำอยู่ ให้หยุดการกระทำนี้ดีกว่าค่ะ

เพระนอกจากเป็นความผิดทางกฎหมายแก่ตัวผู้กระทำและผู้ร่วมกระทำแล้ว
ยังอาจจะ นำพาความยุ่งยากให้แก่เว็บSBN ด้วยค่ะ
ถ้าใครรักเว็บSBNจากใจจริง ไม่ใช่แค่ปากพูดไปวันๆ
ก็ไม่ควรเอาเว็บ ที่เจ้าของเค้าอนุญาตเราให้เล่นกันฟรีๆ แต่เราดันเอามาใช้ในทางที่ผิดกฎหมาย
มันก็ไม่ดีใช่มั้ยคะ:rolleyes:

ส่วนคนอื่นๆที่ไม่เกี่ยวข้อง ลิว่าตามดูอยู่ห่างๆ น่าจะปลอดภัยที่สุดค่ะ อันนี้คห.ส่วนตัวนะคะ
ไม่ได้ห้ามใครที่จะมาร่วมด้วย เพียงแต่ลิคิดว่ามันจะเหมือนสุภาษิตที่ว่า

เนื้อไม่ได้กิน หนังไม่ได้รองนั่ง เอากระดูกมาแขวนคอ :(:(:(
titled
#4
[SIZE="7"]^^ขอบคุณครับ
~TeTi~
#5
ขอบคุณค่ะ:p
ple15
#6
[SIZE="3"]ขอบคุณมากค่ะ
Sweet_Jasmine
#7
[SIZE="6"]สำหรับเพื่อนๆ ที่pmมาถาม ว่า "เกิดอะไรขึ้น?"

ลิขอตอบว่า "ไม่มีอะไรเกิดขึ้นค่ะ" แค่อยากมาเตือนเฉยๆ เพราะเห็นว่าเดี๋ยวนี้ มีการกระทบกระทั่งกัน
ที่หน้าเว็บบอร์ดมากขึ้น เลยอยากเอามาเตือนกันไว้ก่อนค่ะ

และ เหตุผล ที่ลิต้องมาตอบ คนที่pmมาถาม ตรงนี้ เพราะว่า

ที่ผ่านมา มีเพื่อนๆส่งpm มาค่อนข้างเยอะมาก จนกล่องข้อความเต็ม100%ไปหลายรอบแล้วค่ะ

แล้วบางข้อความ ค่อนข้างมีความสำคัญ ไม่อยากลบออกค่ะ ตอนนี้พื้นที่เลยเหลือแค่1%ค่ะ
ขอเก็บไว้ติดต่อเรื่องธุระก่อนนะคะ

ส่วนประเด็นอื่นๆ ลิขอไม่ตอบอะไร ณ ตอนนี้ เพราะ เรื่องอยู่ในระหว่างการดำเนินคดีทางกฎหมาย เกรงว่าจะเสียรูปคดีค่ะ

ขอบคุณค่ะ
apretty
#8
ขอบคุณคุณลิสำหรับข้อมูลนะคะ :)

และขอบคุณอีกที่มาชี้แจงอีกรอบ :D
(เพราะเอก็แอบคิดว่า เกิดอะไรขึ้นเหมือนกัน? อิอิ..)
kookhae
#9
อ่านแล้วได้ประโยชน์ดีคะ..ขอบคุณเจ้าของกระทู้ที่มาแจ้งนะคะ
ขอบคุณมากๆ คะ
Sweet_Jasmine
#10
[SIZE="5"]อีกนิดค่ะ มีอีกประเด็นที่น่าสนใจค่ะ จริงๆแล้วมี อีกหลายประเด็น ที่น่าสนใจค่ะ
ทั้งการแฮคข้อมูลส่วนตัวของคนอื่นแล้วนำไปเผยแพร่ และ สารพัดรูปแบบการกลั่นแกล้งทางอินเตอร์เน็ท
แต่ขอไว้โอกาสหน้านะคะ

อันนี้ คำเตือน สำหรับผู้ที่ มีหลายล็อคอิน แต่ ใช้บัตรประชาชน ของคนอื่น มาสมัคร

เช่น สมัครloginใหม่ เพื่อpm ด่าประจาน เพื่อนสมาชิก

หรือ สมัครloginใหม่ เพื่อกลั่นแกล้งเพื่อนสมาชิก หรือ ฯลฯ

คนที่ กำลังทำแบบนี้ ไม่ใช่วิธีหลบหลีกความผิดที่ฉลาดเลยนะ แต่ คุณกำลังสร้างโจทก์ถึง 2คน คือ

1.คือคู่กรณีที่คุณไปกลั่นแกล้ง

2.คือคนที่คุณ แอบอ้างเอาข้อมูลส่วนตัวของเค้า มาใช้โดยมิได้รับอนุญาต


และ แน่นอน มันไม่ได้ทำ ให้คุณรอดพ้นจากการกระทำความผิด เพราะยังไงก็ตามตัวเจอค่ะ
สมัยนี้ไม่ใช่เรื่องยากเลย ตัวอย่างก็มีให้เห็นกันบ่อยๆ


เพราะฉะนั้น มี1 accountดีที่สุดค่ะ และ ถ้ายังคิดจะสมัครเพิ่ม (อันนี้ไม่แนะนำค่ะ)
ให้เอาของคนในครอบครัวมาใช้ดีกว่าค่ะ
เพราะ ถ้าหากเกิดเรื่องขึ้นโรงขึ้นศาล เรายังเจรจากับพ่อแม่พี่น้องได้ แต่ถ้า เอาบัตรปชช. "ดารานักร้อง" หรือ ของคนอื่น มาใช้ มันจะทำให้กลายเป็นเรื่องบานปลายได้ค่ะ



หวังว่าจะเป็นประโยชน์บ้าง ไม่มากก็น้อย



teerasak
#11
คุณลิกลับมาแล้ว (^^) ขอบคุณข้อมูลค่ะ ปอกะลอ อยากดูรีวิวในห้องโชว์ออฟอีกจังค่า
wawe
#12
ขอขอบคุณคุณลินะคะ ที่นำข้อมูลที่น่าสนใจ แบบนี้มาให้ทราบค่ะ
story2lady
#13
แนนก็เป็นอีกคนนึงที่เคยเป็นเหยื่อยการหมิ่นประมาท ทางอินเตอร์เนต ซึ่งแนนเปิดร้านขายของ ออนไลน์ แล้วก็มีผู้หญิง แนนไม่แน่ใจว่าสามารถใช้คำว่าโรคจิตได้ไหม เที่ยวป่วนตามเวบบอร์ด ด้วยถ้อบคำเสียๆหายๆ แนนปริ้นสกรีน พร้อมเอาข้อความไปแจ้งความ ทางตำรวจก็ ไม่ค่อยอยากจะรับแจ้งเท่าไหร่ เหมือนกับว่า ถึงแจ้งไปก็เท่านั้น :confused:

ขอบคุณ คุณลิมากๆเลยนะคะ ที่นำสิ่งดีๆมาแบ่งปันกัน
s
#14
Originally Posted by story2lady
แนนก็เป็นอีกคนนึงที่เคยเป็นเหยื่อยการหมิ่นประมาท ทางอินเตอร์เนต ซึ่งแนนเปิดร้านขายของ ออนไลน์ แล้วก็มีผู้หญิง แนนไม่แน่ใจว่าสามารถใช้คำว่าโรคจิตได้ไหม เที่ยวป่วนตามเวบบอร์ด ด้วยถ้อบคำเสียๆหายๆ แนนปริ้นสกรีน พร้อมเอาข้อความไปแจ้งความ ทางตำรวจก็ ไม่ค่อยอยากจะรับแจ้งเท่าไหร่ เหมือนกับว่า ถึงแจ้งไปก็เท่านั้น :confused:

ขอบคุณ คุณลิมากๆเลยนะคะ ที่นำสิ่งดีๆมาแบ่งปันกัน


แจ้งได้นะคะ แต่ต้องไปแจ้งที่กองปราบค่ะ เค้าจะมีแผนกเกี่ยวกับคดีความประมาณนี้อยู่นะคะ

เด่วเอสขอไปถามพี่ชายก่อนนะคะ ว่าแผนกอะไร แล้วจะมาบอกนะคะ

เพื่อจะได้เป็นประโยชน์ ให้กับเพื่อนๆ sbn ทุกๆคนค่ะ ;)

ปล.ขอบคุณคุณลินะคะ
story2lady
#15
Originally Posted by s
แจ้งได้นะคะ แต่ต้องไปแจ้งที่กองปราบค่ะ เค้าจะมีแผนกเกี่ยวกับคดีความประมาณนี้อยู่นะคะ

เด่วเอสขอไปถามพี่ชายก่อนนะคะ ว่าแผนกอะไร แล้วจะมาบอกนะคะ

เพื่อจะได้เป็นประโยชน์ ให้กับเพื่อนๆ sbn ทุกๆคนค่ะ ;)

ปล.ขอบคุณคุณลินะคะ




ขอบคุณมากๆนะคะ คุณ S :D
yainong
#16
ขอบคุณข้อมูลค่ะ จะได้ระวังตัว ฟอร์เวิร์ดเมลครั้งหน้า จะต้องสกรีนให้ดีก่อน
thisday
#17
อ่านเจอความเห็นของบอร์ดนึงครับ อยากให้อ่าน
ความเห็นของคุณแมวสามขา

"โอ..ดีจังเลย คนรู้กฏหมายกันทั้งนั้น อย่างนี้ประเทศไทยคงเจริญ

พอดีผมมีเคสครับ คดีกระทำความผิดด้วยระบบคอมพิวเตอร์นี่แหละ โชคดีว่าผมอยู่ฝ่ายโจทก์ แจ้งความคดีอาญา,แล้วฟ้องคดีปกครองด้วย (อีกฝ่ายเป็นหน่วยงานรัฐบาล) เขาว่าถ้าอาญาหรือปกครองจบแล้วยังฟ้องแพ่งต่อได้

ตอนนี้เราใช้เวลากับคดีนี้มาปีกว่าแล้ว ใช้เงินค่าทนาย รวมไปถึงค่าใช้จ่ายอื่นๆ อีกประมาณสามสี่แสนแล้วครับ ทางคดีอาญายังไม่ถึงชั้นอัยการเลย ส่วนคดีปกครองก็เพิ่งไต่สวนมูลฟ้อง

สรุปว่ายังไม่รู้ว่าจะฟ้องได้ไหม
นั่นขนาดว่าเซิร์ฟเวอร์อยู่ในเมืองไทย มีตำแหน่งแห่งที่แน่นอน กว่าจะตกลงได้ว่ามันขึ้นกับโรงพักไหนศาลไหนแน่ก็ยุ่งแล้ว เพราะสถานที่เกิดเหตุอยู่ที่หนึ่ง บุคคลที่กระทำความผิดอยู่อีกที่หนึ่ง

ที่ตลกอีกเรื่องก็คือกฏหมายบังคับให้ผู้ให้บริการเซิร์ฟเวอร์ต้องเก็บบันทึกจราจรคอมพิวเตอร์ไว้อย่างน้อย 90 วัน แต่ถ้าสมมติว่าเหตุเกิดวันนี้ กว่าคุณจะขอหมายศาลเพื่อขอจราจรคอมพิวเตอร์นี่ได้ ผมรับรองไ้ด้ว่าเกิน 90 วัน เท่ากับว่าไม่มีทางได้หลักฐานในวันเกิดเหตุครับ ผมเจอมากับตัวแล้ว ส่วนถ้าจะขอแบคอัพในวันเกิดเหตุ อันนี้ไม่มีกฏหมายบังคับว่าเซิร์ฟเวอร์ต้องมีแบคอัพ เท่ากับว่าฝ่ายเซิร์ฟเวอร์อ้างได้ว่าไม่มี หรือถ้าจะขอหยุดเครื่อง นี่เรื่องใหญ่เลย เพราะแต่ละเครื่องมันมีหลายระบบ ศาลจะไม่บังคับหยุดเครื่องครับเพราะมันกระทบระบบอื่นด้วย เท่ากับว่าฝ่ายเซิร์ฟเวอร์ยังสามารถเปลี่ยนแปลงแก้ไข หรือลบข้อมูลได้ตลอดเวลาครับ ถ้าฝ่ายฟ้อง capture หน้าจอเก็บไว้เป็นหลักฐาน ถึงเวลาก็ต้องมาพิสูจน์กันว่าไฟล์ดิจิตอลที่แคปไว้นั่นเป็นของจริงหรือของปลอมอีก แต่กลับกันคือฝ่ายผู้ถูกฟ้องยังใช้งานเซิร์ฟเวอร์ได้ตามปกติ ถ้าดูว่าอาการไม่ดีก็แค่ลบข้อมูลออกจากเครื่องก็จบ เพราะคราวนี้ฝ่ายผู้ฟ้องต้องหาทางพิสูจน์ให้ได้ว่าไอ้หลักฐานที่ตัวเองถือๆ อยู่นี่น่ะมันเคยปรากฏในเซิร์ฟเวอร์เครื่องนั้นมาก่อน ไม่ใช่ตัวเองใช้โฟโต้ชอปสร้างขึ้นมาเอง

กฏหมายพวกนี้น่ะีมีอยู่ครับ แต่ปัจจุบันยังไม่มีวิธีบังคับใช้ และไม่มีวิธีมาตรฐานในการพิจารณา ใครอยากลองฟ้องดูก็ได้นะครับ ยิ่งถ้าฝ่ายผู้ฟ้องกับจุดเกิดเหตุอยู่กันคนละจังหวัดยิ่งสนุกครับ เพราะผู้ฟ้องต้องเดินทาง (ด้วยสตางค์ตัวเอง) ไปฟ้องในท้องที่ที่เกิดเหตุ แล้วอีกเดือนนึงพอเขาเรียก ผู้ฟ้องก็ต้องเดินทางไปให้ปากคำครึ่งวัน เดินทางกลับบ้าน แล้วก็ต้องทำซ้ำๆ อย่างนี้ไปเรื่อยๆ จนกว่าตำรวจจะเห็นว่าหลักฐานเพียงพอที่จะส่งใ้ห้อัยการ ในชั้นนี้ผู้ฟ้องจะเสียแต่ค่าเดินทาง ถ้ามันเป็นคดีอาญาตำรวจเขาก็จะรับเรื่องต่อไปเอง แต่เท่าที่ผ่านมาผมยังไม่เห็นว่าที่คุยๆ กันนี่มันจะไปเป็นคดีอาญาตรงไหน ดังนั้นถ้าอยากฟ้องมันน่าจะต้องฟ้องแพ่ง ซึ่งคราวนี้นอกจากค่าเดินทางแล้วผู้ฟ้องยังต้องเสียท่าทนายเองอีก แล้วไหนจะขั้นตอนไกล่เกลี่ยอีก ซึ่งเอาแค่ว่าฝ่ายผู้ฟ้องเสียสตางค์เดินทางมาแล้ว เสียค่าทนายมาด้วยกันแล้ว พอวันจริงฝ่ายผู้ถูกฟ้องส่งเป็นจดหมายขอเลื่อนหน้าตาเฉยก็มี แล้วคดีคอมพิวเตอร์นี่ต้องมีความเห็นผู้เชี่ยวชาญประกอบ (ไม่งั้นตำรวจเขาจะรู้ได้ไงว่าไอ้หลักฐานที่มันเป็นคอมพิวเตอร์นี่มันจริงหรือปลอม แล้วมันชี้ความผิดจริงหรือเปล่า ฯลฯ) ซึ่งในเบื้องต้นฝ่ายผู้ฟ้องต้องรับผิดชอบหามา (จ่าย) ก่อนแหละครับเพื่อมาเป็นพยานโจทย์ แล้วพอไปถึงศาล ศาลก็คงต้องให้ตั้งผู้เชี่ยวชาญมาอีกซึ่งยังไม่รู้ว่าใครเป็นคนรับผิดชอบค่าใช้จ่าย

อ้อๆ ลืมไป ผมเคยแจ้งความจับผู้ร้ายคดีฉ้อโกงด้วยละ มีเอกสารหลักฐานเรียบร้อย รู้ตัวผู้กระทำความผิดรวมถึงถิ่นฐานภูมิลำเนาชัดเจน ว่าไปคือมีกระทั้งสำเนาับัตรประชาชนของผู้กระทำความผิด รู้ไหมครับว่าตำรวจทำอย่างไร เขาก็จะส่งจดหมายไปที่บ้านผู้ร้าย แล้วก็แจ้งให้มาให้ปากคำที่สถานีตำรวจ ไม่เช่นนั้นท่านอาจมีความผิดฐาน....บลาๆๆ เอ่อ..ก็เท่านั้นแหละครับ ถ้ามันไม่บังเอิญเดินเซ่อซ่าเข้ามาจ่ายค่าใบสั่งที่สถานีนี้ มันก็คงยังมีความสุขอยู่ต่อไปตลอดชั่วอายุขัยมัน นี่โชคดีว่าผมไม่ทะลึ่งฟ้องแพ่งต่อนะ ไม่งั้นไม่รู้ว่าผมต้องหมดอีกกี่สตางค์

เล่าประสบการณ์ให้ฟังครับ สำหรับคนอยากฟ้อง แนะให้ลองฟ้องดูสักทีครับ จะได้รับรู้รสชาดของชีวิต"

ที่มา http://www.thaitaiji.com/forum/viewtopic.php?f=2&t=1187&start=220
Sweet_Jasmine
#18
Originally Posted by thisday
อ่านเจอความเห็นของบอร์ดนึงครับ อยากให้อ่าน
ความเห็นของคุณแมวสามขา

"โอ..ดีจังเลย คนรู้กฏหมายกันทั้งนั้น อย่างนี้ประเทศไทยคงเจริญ

พอดีผมมีเคสครับ คดีกระทำความผิดด้วยระบบคอมพิวเตอร์นี่แหละ โชคดีว่าผมอยู่ฝ่ายโจทก์ แจ้งความคดีอาญา,แล้วฟ้องคดีปกครองด้วย (อีกฝ่ายเป็นหน่วยงานรัฐบาล) เขาว่าถ้าอาญาหรือปกครองจบแล้วยังฟ้องแพ่งต่อได้

ตอนนี้เราใช้เวลากับคดีนี้มาปีกว่าแล้ว ใช้เงินค่าทนาย รวมไปถึงค่าใช้จ่ายอื่นๆ อีกประมาณสามสี่แสนแล้วครับ ทางคดีอาญายังไม่ถึงชั้นอัยการเลย ส่วนคดีปกครองก็เพิ่งไต่สวนมูลฟ้อง

สรุปว่ายังไม่รู้ว่าจะฟ้องได้ไหม
นั่นขนาดว่าเซิร์ฟเวอร์อยู่ในเมืองไทย มีตำแหน่งแห่งที่แน่นอน กว่าจะตกลงได้ว่ามันขึ้นกับโรงพักไหนศาลไหนแน่ก็ยุ่งแล้ว เพราะสถานที่เกิดเหตุอยู่ที่หนึ่ง บุคคลที่กระทำความผิดอยู่อีกที่หนึ่ง

ที่ตลกอีกเรื่องก็คือกฏหมายบังคับให้ผู้ให้บริการเซิร์ฟเวอร์ต้องเก็บบันทึกจราจรคอมพิวเตอร์ไว้อย่างน้อย 90 วัน แต่ถ้าสมมติว่าเหตุเกิดวันนี้ กว่าคุณจะขอหมายศาลเพื่อขอจราจรคอมพิวเตอร์นี่ได้ ผมรับรองไ้ด้ว่าเกิน 90 วัน เท่ากับว่าไม่มีทางได้หลักฐานในวันเกิดเหตุครับ ผมเจอมากับตัวแล้ว ส่วนถ้าจะขอแบคอัพในวันเกิดเหตุ อันนี้ไม่มีกฏหมายบังคับว่าเซิร์ฟเวอร์ต้องมีแบคอัพ เท่ากับว่าฝ่ายเซิร์ฟเวอร์อ้างได้ว่าไม่มี หรือถ้าจะขอหยุดเครื่อง นี่เรื่องใหญ่เลย เพราะแต่ละเครื่องมันมีหลายระบบ ศาลจะไม่บังคับหยุดเครื่องครับเพราะมันกระทบระบบอื่นด้วย เท่ากับว่าฝ่ายเซิร์ฟเวอร์ยังสามารถเปลี่ยนแปลงแก้ไข หรือลบข้อมูลได้ตลอดเวลาครับ ถ้าฝ่ายฟ้อง capture หน้าจอเก็บไว้เป็นหลักฐาน ถึงเวลาก็ต้องมาพิสูจน์กันว่าไฟล์ดิจิตอลที่แคปไว้นั่นเป็นของจริงหรือของปลอมอีก แต่กลับกันคือฝ่ายผู้ถูกฟ้องยังใช้งานเซิร์ฟเวอร์ได้ตามปกติ ถ้าดูว่าอาการไม่ดีก็แค่ลบข้อมูลออกจากเครื่องก็จบ เพราะคราวนี้ฝ่ายผู้ฟ้องต้องหาทางพิสูจน์ให้ได้ว่าไอ้หลักฐานที่ตัวเองถือๆ อยู่นี่น่ะมันเคยปรากฏในเซิร์ฟเวอร์เครื่องนั้นมาก่อน ไม่ใช่ตัวเองใช้โฟโต้ชอปสร้างขึ้นมาเอง

กฏหมายพวกนี้น่ะีมีอยู่ครับ แต่ปัจจุบันยังไม่มีวิธีบังคับใช้ และไม่มีวิธีมาตรฐานในการพิจารณา ใครอยากลองฟ้องดูก็ได้นะครับ ยิ่งถ้าฝ่ายผู้ฟ้องกับจุดเกิดเหตุอยู่กันคนละจังหวัดยิ่งสนุกครับ เพราะผู้ฟ้องต้องเดินทาง (ด้วยสตางค์ตัวเอง) ไปฟ้องในท้องที่ที่เกิดเหตุ แล้วอีกเดือนนึงพอเขาเรียก ผู้ฟ้องก็ต้องเดินทางไปให้ปากคำครึ่งวัน เดินทางกลับบ้าน แล้วก็ต้องทำซ้ำๆ อย่างนี้ไปเรื่อยๆ จนกว่าตำรวจจะเห็นว่าหลักฐานเพียงพอที่จะส่งใ้ห้อัยการ ในชั้นนี้ผู้ฟ้องจะเสียแต่ค่าเดินทาง ถ้ามันเป็นคดีอาญาตำรวจเขาก็จะรับเรื่องต่อไปเอง แต่เท่าที่ผ่านมาผมยังไม่เห็นว่าที่คุยๆ กันนี่มันจะไปเป็นคดีอาญาตรงไหน ดังนั้นถ้าอยากฟ้องมันน่าจะต้องฟ้องแพ่ง ซึ่งคราวนี้นอกจากค่าเดินทางแล้วผู้ฟ้องยังต้องเสียท่าทนายเองอีก แล้วไหนจะขั้นตอนไกล่เกลี่ยอีก ซึ่งเอาแค่ว่าฝ่ายผู้ฟ้องเสียสตางค์เดินทางมาแล้ว เสียค่าทนายมาด้วยกันแล้ว พอวันจริงฝ่ายผู้ถูกฟ้องส่งเป็นจดหมายขอเลื่อนหน้าตาเฉยก็มี แล้วคดีคอมพิวเตอร์นี่ต้องมีความเห็นผู้เชี่ยวชาญประกอบ (ไม่งั้นตำรวจเขาจะรู้ได้ไงว่าไอ้หลักฐานที่มันเป็นคอมพิวเตอร์นี่มันจริงหรือปลอม แล้วมันชี้ความผิดจริงหรือเปล่า ฯลฯ) ซึ่งในเบื้องต้นฝ่ายผู้ฟ้องต้องรับผิดชอบหามา (จ่าย) ก่อนแหละครับเพื่อมาเป็นพยานโจทย์ แล้วพอไปถึงศาล ศาลก็คงต้องให้ตั้งผู้เชี่ยวชาญมาอีกซึ่งยังไม่รู้ว่าใครเป็นคนรับผิดชอบค่าใช้จ่าย

อ้อๆ ลืมไป ผมเคยแจ้งความจับผู้ร้ายคดีฉ้อโกงด้วยละ มีเอกสารหลักฐานเรียบร้อย รู้ตัวผู้กระทำความผิดรวมถึงถิ่นฐานภูมิลำเนาชัดเจน ว่าไปคือมีกระทั้งสำเนาับัตรประชาชนของผู้กระทำความผิด รู้ไหมครับว่าตำรวจทำอย่างไร เขาก็จะส่งจดหมายไปที่บ้านผู้ร้าย แล้วก็แจ้งให้มาให้ปากคำที่สถานีตำรวจ ไม่เช่นนั้นท่านอาจมีความผิดฐาน....บลาๆๆ เอ่อ..ก็เท่านั้นแหละครับ ถ้ามันไม่บังเอิญเดินเซ่อซ่าเข้ามาจ่ายค่าใบสั่งที่สถานีนี้ มันก็คงยังมีความสุขอยู่ต่อไปตลอดชั่วอายุขัยมัน นี่โชคดีว่าผมไม่ทะลึ่งฟ้องแพ่งต่อนะ ไม่งั้นไม่รู้ว่าผมต้องหมดอีกกี่สตางค์

เล่าประสบการณ์ให้ฟังครับ สำหรับคนอยากฟ้อง แนะให้ลองฟ้องดูสักทีครับ จะได้รับรู้รสชาดของชีวิต"

ที่มา http://www.thaitaiji.com/forum/viewtopic.php?f=2&t=1187&start=220



น่าสงสารคุณthisdayจังเลยค่ะ :(

เพราะของลิไม่เห็นเป็นแบบที่คุณเล่าเลยค่ะ ราบรื่นทุกขั้นตอนเลย

ไว้ลิมีโอกาสจะมาเล่าปสก.ให้คุณthisdayฟังบ้างนะคะ

เผื่อคราวหน้าคุณthisday ถูกเอาเปรียบ จะได้ปกป้องศักดิ์และศรีของตัวเองบ้าง ;)
thisday
#19
ก่อนจะสงสารผมอ่านความเห็นผมอีกทีนะครับ มันไม่ใช่ประสบการณ์ของผม ผมเจอจากเว็บอื่นมาให้อ่าน ประสบการณ์ของแต่ละคนมันไม่เหมือนกัน ที่ผมโพสเป็นประสบการณ์ของคนๆหนึ่ง ผมบอกชื่อคนโพสพร้อมบอกที่มาแล้ว(ช่วยอ่านอีกครั้ง) ถ้าแตกต่างยังไงก็เล่ามาด้วยละกันครับ

สำหรับผมถ้าเจอแบบคุณมายุ่งกับครอบครัวเนี่ย ไม่ใช้กฏหมายครับ ใช้อย่างอื่นเร็วกว่า

ปล.ผมก็ปากเก่งไปงั้นแหละครับ
Earrings
#20
ขอบคุณที่เอาข้อมูลมาแชร์ค่ะ ดีใจจังค่ะที่คุณมะลิกลับมานะคะ จะรอดู Chanel สวย ๆ ค่ะ ให้กำลังใจนะคะ
galsberry
#21
ได้รับความรู้ใหม่ๆเพิ่มชึ้นเยอะ ขอบคุณมากๆค่ะ
due
#22
ขอบคุณสำหรับข้อมูลดีๆที่มาแบ่งกันจ้าาาาา!
แต่ไม่จองเวรกันดีที่ซู๊ดดดดด!:)
ไหว้พระ สวดมนต์ ขออโหสิกรรมกับเจ้ากรรมนายเวร
และก็อโหสิกรรมกับคนที่มีเวรมีกรรมกับเรา
จะได้จบกันแค่นี้ ไม่ต้องจองเวรจองกรรมกันอีกต่อไป
ลองทำดูนะคะ อย่างน้อยก็ทำให้ใจเราสงบขึ้น
ขอให้ผ่านไปด้วยดีนะคะ เป็นกำลังใจให้ค่ะ
Li-Lhin
#23
ขอบคุณนะจ๊าที่เอาข้อมูลดีๆมาแบ่งปัน แบบว่าเรียนมาก็เก็บเข้ากรุหมดแล้วอ่ะ ^^
makeberry
#24
ขอบคุณ จขกท.มากค่ะ
toom
#25
ขอบคุณมากคะคุณลิ welcome back na ka (*_*)
matty
#26
ขอบคุณ คุณลิจ้า
Jellyfish
#27
ตอนแรกที่อ่าน ก็มีคิดเหมือนกันคะ ว่ามี hidden agenda ว่ามีอะไรเกิดขึ้นหรือเปล่า
แต่พอคุณลิมาชี้แจงว่าไม่มีอะไร แค่อยากมาเตือน ก็เข้าใจคะ
ที่จริงสมัยนี้กรมตำรวจ เริ่มเจริญก้าวหน้าสามารถตรวจเชคสืบหาคนที่หมิ่นประมาทในอินเตอร์เนทได้ไม่ยากเลยคะ แมงไม่แน่ใจว่าจุดนี้ขึ้นอยู่กับกระทรวงไอซีที หรือยังไงนะคะ แต่เห็นว่ามีหลายคดี ที่คลี่คลายและก็คืบหน้า กว่าที่คิดไว้เยอะ ที่เห็นๆ นะคะ เป็นการดีคะ ที่มาเตือนภัยกัน หลายคนจะได้ไม่พลาดพลั้งทำอะไรไปโดยไม่ระวังเพราะจุดเล็ก ๆ จุดเดียว ก็เรียกว่าหมิ่นประมาท ได้คะ..
thisday
#28
คดีไปถึงไหนแล้วครับ
Brandsoho
#29
ส่วนตัวผมอยากบอกว่าเอากฎหมายมาใช้ไม่ได้ผลหรอกคับ แค่คิดรวบรวมหลักฐานให้ตำรวจช่วยอะ ก้อเหนื่อยแล้ว ตำรวจเองก้อไม่กะทำไรด้วย
ลองถามตัวเองดูว่าโดนโกงไปเท่าไร คุ้มไม๊
ผมเองเคยลองบางเรื่องมากับตัว แค่ 20000 ตำรวจเองยังไม่สน เพราะมันน้อยไป เค้าไม่ค่อยยุ่งหรอกคับ
จะจ้างคนไปเก็บอาจสะใจกว่า

บางครั้งผมว่า เล่นไม้หนัก หลังบ้าน สะใจกว่า เอากฎหมายมาอ้าง เพราะช้า และไม่สะใจ

ข้อหาทำร้ายร่างกายปรับแค่ 500 แถมสะใจอีก
ค่าจ้างทนายหลายหมื่น

แค่คิดขำๆ นะคับ (แต่อาจทำจิง) ไม่ต้องไปใส่ใจทำตามนะคับ

แค่อยากแชร์เปนข้อคิดคับ เพราะหลายๆอย่างที่คุณคิดว่าจะพึ่งพาได้ อาจไม่ใช่อย่างที่คุณคิด
ดูกระทู้ทั้งหมดในชุมชน จาก  Downtown ดูกระทู้ในหมวด ดูกระทู้ในหมวดย่อย
กระทู้แนะนำจากการคัดเลือกอัตโนมัติ
1
2
3